3. พระศาสนจักรยังเพ่งพินิจดูผู้ถือศาสนามุสลิมด้วยนับถือ เขาไหว้นมัสการพระเจ้าองค์เดียวผู้ทรงชีวิตและดำรงอยู่ มีพระทัยเมตตาและทรงฤทธิ์ทุกประการ เป็นผู้สร้างสวรรค์และแผ่นดินและได้ตรัสแก่มนุษย์
เขาพยายามด้วยสิ้นสุดจิตใจที่จะนอบน้อมต่อประกาศิตแม้ที่หยั่งรู้ไม่ถึงของพระเป็นเจ้าเหมือนดังที่ท่านอับราฮัม ซึ่งความเชื่อของชาวมุสลิมชอบอ้างอิงถึง ได้อ่อนน้อมต่อพระเป็นเจ้ามาแล้ว
แม้ว่าเขาไม่ยอมรับนับถือพระเยซูเจ้าเป็นพระเจ้า แต่เขานับถือพระองค์เป็นประกาศก. เขาเคารพพระนางมารีย์ พระมารดาพรหมจารีของพระองค์ และบางครั้งยังวิงวอนขอพระนางด้วยความเลื่อมใสศรัทธาอีกด้วย ยิ่งกว่านั้นเขาคอยวันพิพากษา
ซึ่งในวันนั้นพระเป็นเจ้าจะทรงปูนบำเหน็จหรือลงโทษมนุษย์ที่กลับฟื้นคืนชีวิตขึ้นมา
เพราะฉะนั้นเขายกย่องการดำรงชีวิตอย่างมีศีลมีสัตย์และถวายคารวกิจแด่พระเป็นเจ้าเป็นต้นด้วยการภาวนา ทำบุญให้ทาน และอดอาหาร
ถ้าหากว่าในศตวรรษก่อน ๆ นี้ได้เกิดความบาดหมางและความเป็นศัตรูระหว่างคริสต์ศาสนิกชนกับชาวมุสลิมหลายครั้งหลายหน สภาสังคายนานี้ขอเตือนทั้งสองฝ่ายให้ลืมเรื่องในอดีตเสียและให้พยายามที่จะทำความเข้าใจอย่างจริงใจ
ตลอดจนร่วมกันคุ้มครองและส่งเสริมความยุติธรรมในสังคม คุณค่าทางศีลธรรม สันติสุข อิสรภาพ เพื่อประโยชน์ของมนุษย์ทุกคน
|