หน้าที่ธรรมทูตเป็นของประชากรของพระเป็นเจ้าทั้งหมด
36.ในฐานะเป็นอวัยวะของพระคริสตเจ้าผู้ทรงพิชิต และได้ถูกผนวกรวมเข้ากับพระองค์ ทำให้เหมือนพระองค์ด้วยศีลล้างบาป ศีลกำลัง และศีลมหาสนิท
สัตบุรุษทุกคนจึงจำต้องร่วมมือในการเร่งขยายพระกายนั้นให้เติบโตจนถึงขนาดสมบูรณ์อย่างเต็มที่โดยเร็วที่สุด (อฟ 4:13)
เพราะเหตุนี้ลูกของพระศาสนจักรทุกคนต้องมีความสำนึกอย่างแรงกล้าถึงความรับผิดชอบของตนต่อโลก
หล่อเลี้ยงจิตตารมณ์ที่เป็นคาทอลิกอย่างแท้จริงไว้ภายในตน และทุ่มเทกำลังไปในงานเผยแพร่ข่าวดี อย่างไรก็ดีขอให้ทุกคนรู้ไว้ว่าหน้าที่ประการต้นและสำคัญที่สุดของตนในการเผยแพร่ความเชื่อก็คือ ต้องถือชีวิต คริสตชนอย่างแท้จริงนั่นเอง เพราะการที่เราร้อนรนในการรับใช้พระเป็นเจ้ากับมีความรักต่อผู้อื่นนั้น จะเหมือนกับนำลมหายใจใหม่ทางวิญญาณมาให้พระศาสนจักรทั้งพระศาสนจักร ซึ่งจะปรากฏเป็นเครื่องหมายที่ตั้งขึ้นเพื่อนานาชาติ (เทียบ อสย 11:12) เป็นความสว่างส่องโลก (มธ 5:14) และเป็น "เกลือดองแผ่นดิน" (มธ 5:13) การเจริญชีวิตเป็นองค์พยานเช่นนี้จะเกิดผลง่ายขึ้น ถ้าหากทำพร้อมกับหมู่คริสตชนอื่นๆ ตามคำแนะนำเตือนในพระสมณกฤษฎีกาว่าด้วยสากลภาพนิยม
ผู้ที่มีจิตตารมณ์ชุบใหม่ดังกล่าวนี้ จะนึกภาวนาและถวายการใช้โทษบาปแด่พระเป็นเจ้าขึ้นเอง เพื่อขอพระองค์โปรดให้งานธรรมทูตเกิดผลด้วยพระหรรษทาน
แล้วกระแสเรียกธรรมทูตก็จะเกิดมีมากขึ้น ปัจจัยต่างๆ ที่มิสซังต้องการก็จะหลั่งไหลมา
เพื่อให้คริสตชนทุกคนแต่ละคนรู้สภาพปัจจุบันของพระศาสนจักรในโลกอย่างแท้จริง และเพื่อให้เขาได้ยินเสียงของฝูงคนที่ร้องว่า "ช่วยพวกเราด้วยเถิด" (เทียบ กจ 16:9)
ควรใช้สื่อมวลชนสมัยใหม่แพร่ข่าวธรรมทูต จนสัตบุรุษสำนึกว่างานธรรมทูตก็คืองานของเขาเอง แล้วเขาจะคิดถึงความต้องการอันใหญ่หลวงและกว้างขวางของมนุษย์และสามารถช่วยเหลือเขาได้
การประสานข่าวและการร่วมมือกับองค์การของชาติหรือระหว่างชาติก็เป็นสิ่งจำเป็นด้วยเหมือนกัน
|