|
|
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - |
ชีวิตฝ่ายวิญญาณของธรรมทูต 24.แต่เมื่อพระเจ้าเที่ยงแท้ทรงเรียก มนุษย์ก็ต้องตอบในแบบไม่ต้องปรึกษาถามเลือดเนื้อ (เทียบ คท.1:16) แล้วอุทิศตนอย่างสิ้นเชิงทำงานประกาศข่าวดี แต่มนุษย์จะตอบเช่นนี้หาได้ไม่เว้นแต่พระจิตจะทรงกระตุ้นเตือนและประทานกำลังให้ เพราะผู้ที่พระส่งไปนั้นเข้าไปในชีวิตและภารกิจของพระผู้ที่ "ทรงสละพระองค์จนหมดสิ้น ทรงรับสภาพดุจทาส" (ฟป.2:7) เพราะฉะนั้นเขาต้องพร้อมที่จะยึดมั่นในกระแสเรียกของเขาตลอดชีวิต ต้องพร้อมที่จะสละทิ้งตนเองและทุกสิ่งที่เขามีจนถึงเวลานั้น "ข้าพเจ้าเป็นทุกอย่างสำหรับทุกคน" (1 คร.9:22) เมื่อประกาศข่าวดีในหมู่ชนชาติคนต่างศาสนา ธรรมทูตต้องมีความมั่นใจเผยเหตุการณ์เร้นลับเรื่องพระคริสตเจ้า โดยคิดว่าเขาทำหน้าที่เป็นทูตของพระองค์ ด้วยบารมีของพระองค์ ดังนี้ เขากล้าพูดอย่างที่ควรจะพูด (เทียบ อฟ.6:19; กจ.4:31) และไม่อายเรื่องความอัปยศอดสูแห่งกางเขน เดินตามรอยพระยุคลบาทของพระอาจารย์ซึ่งทรงเป็นผู้อ่อนโยนและพระทัยอ่อนหวาน ธรรมทูตต้องแสดงให้เห็นว่าแอกของพระองค์เป็นของนิ่มนวลและของแบกของพระองค์เป็นของเบา (มธ.11:29) เมื่อธรรมทูตเจริญชีวิตตามพระวรสารอย่างแท้จริงถือความหนักแน่น ความอดทน ความอ่อนโยนและความรักที่ไม่แสร้งทำ (เทียบ 2 คร. 6:4) ธรรมทูตก็เป็นองค์พยานประกาศพระคริสตเจ้า และถ้าจำเป็นก็ประกาศจนถึงกับยอมหลั่งโลหิตเขาจะได้รับความกล้าหาญและกำลังจากพระเป็นเจ้าเพื่อรู้ว่า ในการสู้ทนความทุกข์ลำเค็ญมากมายและความยากจนอย่างแสนสาหัสนั้น มีความชื่นชมอยู่อย่างล้นเหลือ (เทียบ 2 คร.8:2) เขาต้องเชื่อตระหนักว่า ความเชื่อฟังเป็นคุณธรรมพิเศษของผู้รับใช้ของพระคริสตเจ้าผู้ซึ่งได้กอบกู้ไถ่มนุษยชาติด้วยความเชื่อฟังของพระองค์ ผู้ประกาศข่าวดีต้องระวังอย่าละเลยพระหรรษทานที่อยู่ในตน ต้องชุบตัวด้วยการเปลี่ยนแปลงจิตใจวันละวัน (เทียบ 1ทธ.4:14 ; อฟ.4:23 ; 2 คร.4:16) เมื่อถึงเวลากำหนดสมณะประมุขท้องที่และอธิการต้องเรียกชุมนุมบรรดาธรรมทูตเพื่อให้เขาได้รับการชูกำลังตามที่เขามีความหวังในกระแสเรียก และได้รับการชุบตัวในการแพร่ธรรม หากจำเป็นก็ควรจะมีบ้านพิเศษเพื่อจุดประสงค์ข้อนี้ |