|
|
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - |
ต้องมีเมตตาอยู่ช่วยผู้อื่น 12. คริสตชนที่อยู่ในกลุ่มชนต่างๆ ต้องมีความรักแบบเดียวกับพระเป็นเจ้าทรงรักเรา พระองค์นั้นทรงปรารถนาให้เรารักกันและกันด้วยความรักอย่างเดียวกัน(เทียบ 1 ยน 4:11)ความรักแบบคริสตชนแผ่ครอบคลุมไปถึงมนุษย์ทุกคนอย่างแท้จริงโดยไม่เลือกชาติ ศาสนา หรือ ฐานะทางสังคม และไม่หวังจะได้ประโยชน์หรือบำเหน็จแต่อย่างใด พระเป็นเจ้าทรงรักเราด้วยความรักที่ให้เปล่า เช่นเดียวกัน เวลาประกอบเมตตากิจ สัตบุรุษต้องนึกถึงแต่ตัวคนที่จะช่วยเท่านั้น พระคริสตเจ้าทรงตระเวนไปทุกหมู่บ้านและหัวเมือง ทรงรักษาโรคภัยไข้เจ็บและความทุพพลภาพทุกชนิด เป็นการแสดงว่าอาณาจักรของพระเป็นเจ้ามาถึงแล้ว (เทียบ มธ 9 :35 และต่อไป กจ 10:38) เช่นเดียวกัน พระศาสนจักรทำการติดต่อกับมนุษย์ไม่ว่าอยู่ในฐานะอะไร โดยใช้ลูกของพระศาสนจักรไปหาเขา พระศาสนจักรยังติดต่อ โดยเฉพาะกับคนจน และคนทนทุกขทรมาน แล้วทำการสละพลีตนเพื่อเขาอย่างเต็มอกเต็มใจ (เทียบ 2 คร 12: 15) พระศาสนจักรร่วมทุกข์ร่วมสุข รู้ความใฝ่ฝันและปัญหาชีวิตของคนเหล่านี้ ร่วมทุกข์กับเขาเวลาเขาทุรนทุรายใกล้ตาย สำหรับผู้ที่แสวงหาความสงบสุข พระศาสนจักรใคร่สนองตามความต้องการของเขา โดยเชิญให้มาสนทนาสังสรรค์กันอย่างฉันพี่น้อง แล้วนำความสงบสุขและความสว่างจากพระวรสารให้แก่เขา ฉะนั้นคริสตชนต้องทำงานและต้องร่วมมือกับคนอื่นๆ ทั่วไป เพื่อจัดงานเศรษฐกิจและงานสังคมขึ้นอย่างถูกต้อง ยังต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษอุทิศตนให้แก่การอบรมเด็กและเยาวชนโดยอาศัยโรงเรียนทุกประเภทเป็นเครื่องมือ อันว่าโรงเรียนต่างๆ นั้นเราถือเป็นเครื่องมือวิเศษมิใช่สำหรับอบรมและกล่อมเกลาเยาวชนคริสตชนเท่านั้น แต่ยังต้องถือเป็นการรับใช้อันมีค่าสูงสำหรับผู้ใหญ่ โดยเฉพาะสำหรับชาติต่างๆ ที่กำลังเจริญพัฒนาเพื่อเชิดชูศักดิ์ศรีมนุษย์และเตรียมให้เกิดสภาพที่เหมาะแก่มนุษย์มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้คริสตชนต้องมีส่วนร่วมในความพยายามของชาติต่างๆ ที่อุตส่าห์ปรับสภาพการดำรงชีวิตให้ดีขึ้น กับอุตส่าห์ทำให้มีสันติภาพมั่งคงในโลก โดยทำสงครามกับความหิว ความโง่ ไม่มีความรู้ และโรคภัยไข้เจ็บ ในงานที่กล่าวนี้สัตบุรุษต้องปรารถนาอย่างร้อนรนที่จะทำการเสียสละอย่างฉลาดช่วยงานที่ส่งเสริมโดยสถาบันเอกชนและสาธารณะ รัฐบาล องค์การ ระหว่างชาติ หมู่คณะต่างๆ ที่เป็นคริสตชนและบรรดาศาสนาที่มิใช่คริสตศาสนา แต่พระศาสนจักรไม่ปรารถนาเข้าไปยุ่งเกี่ยวในการปกครองบ้างเมืองในโลกนี้แต่อย่างใดทั้งสิ้น พระศาสนจักรไม่ต้องการอะไรอื่นนอกจากได้ชื่อว่าเป็นผู้รับใช้มนุษย์ทั้งหลายด้วยความรัก และการบริการอย่างซื่อสัตย์อาศัยความช่วยเหลือของพระเป็นเจ้า (เทียบ มธ 20: 26, 26:11) ศิษย์ของพระคริสตเจ้าเมื่อรวมอยู่กับมนุษย์อย่างใกล้ชิดในชีวิตและเวลาทำงาน ย่อมหวังจะเป็นองค์พยานประกาศพระคริสตเจ้าแก่เขาอย่างแท้จริงและจะทำงานเพื่อความรอดของเขา แม้ในที่ที่จะประกาศพระคริสตเจ้าอย่างเต็มที่ไม่ได้ เพราะคริสตชนไม่แสวงหาความก้าวหน้าและความเจริญในด้านวัตถุแท้ๆ ของมนุษย์ แต่หากตั้งใจจะส่งเสริมศักดิ์ศรีและความสามัคคีฉันพี่น้องกับเขา โดยสอนข้อความจริงทางด้านศาสนาและศีลธรรมซึ่งพระคริสตเจ้าทรงแนะนำชี้แจงมาแล้ว ซึ่งเท่ากับเป็นการเปิดทางให้ก้าวเป็นขั้นๆ ไปหาพระเป็นเจ้าดีขึ้น ด้วยประการฉะนี้แหละ คริสตชนช่วยมนุษย์ให้บรรลุถึงความรอดโดยรักพระเป็นเจ้าและเพื่อนมนุษย์ และรหัสธรรมของพระคริสตเจ้าก็เริ่มจะฉายแสงคือ ให้รหัสธรรมนี้ มนุษย์คนใหม่ซึ่งสร้างขึ้นคล้ายพระเป็นเจ้า (เทียบ อฟ 4: 24) ได้ปรากฏขึ้นและรหัสธรรมนี้ ความรักของพระเป็นเจ้าเผยออกมาให้เราเห็น |