AD GENTES

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

พระคริสตเจ้าทรงส่งพระศาสนจักรมา

5.เมื่อเริ่มประกาศเทศนา พระเยซูเจ้า "ทรงเรียกผู้ที่พระองค์ทรงต้องการให้มาพบ เขาเหล่านั้นก็มาเฝ้าพระองค์ พระองค์จึงทรงแต่งตั้งอัครสาวกสิบสองคน ให้อยู่กับพระองค์และเพื่อส่งเขาออกไปเทศน์สอน" (มก 3:13 ; เทียบ มธ 10:1-52) ดังนี้บรรดาอัครธรรมทูตจึงเป็นดังเชื้อของอิสราแอลใหม่ และในขณะเดียวกันเป็นต้นกำเนิดของพระฐานานุกรมอันศักดิ์สิทธิ์ หลังจากนั้น เมื่อสิ้นพระชนม์และกลับฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมาทำให้รหัสธรรมแห่งความรอดและการฟื้นฟูโลกเป็นอันสำเร็จไปในพระองค์แล้ว พระเยซูเจ้าผู้ได้รับมอบอำนาจทุกอย่างทั้งในสวรรค์และแผ่นดิน (เทียบ มธ 28: 18) ทรงตั้งพระศาสนจักรให้เป็นศีลศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยให้รอดก่อนที่จะถูกยกไปยังสวรรค์ (เทียบ กจ 1:11) พระบิดาทรงส่งพระองค์มาฉันใด (เทียบ ยน 20:21) พระองค์ก็ทรงส่งบรรดาอัครธรรมทูตไปทั่วโลกฉันนั้นโดยรับสั่งว่า "เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา ทำพิธีล้างบาปให้เขาเดชะพระนามพระบิดา พระบุตร และพระจิต" (มธ 28:19) "ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลกประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ" (มก 16:15) หน้าที่ของพระศาสนจักรที่ต้องเผยแพร่ความเชื่อและความรอดที่พระคริสตเจ้าทรงนำมา ก็สืบเนื่องมาจากข้อนี้เอง ประการหนึ่งก็เพราะคำสั่งสอนอันชัดเจนเด็ดขาด ซึ่งคณะพระสังฆราชอันมีพระสงฆ์ผู้ช่วย โดยร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับผู้สืบตำแหน่งต่อจากนักบุญเปโตรนายชุมพาบาลสูงสูดของพระศาสนจักรได้รับจากบรรดาอัครธรรมทูต อีกประการหนึ่งก็เพราะน้ำชุบชีวิตซึ่งพระคริสตเจ้าทรงถ่ายเทถึงสมาชิกของพระองค์ "เนื่องจากพระองค์พระวรกายทั้งหมดจึงประสานสัมพันธ์อย่างสนิทสนม อาศัยข้อต่างๆ ทุกข้อ ซึ่งทำหน้าที่อย่างเรียบร้อยตามความเหมาะสมของส่วนต่างๆ ดังนี้ ร่างกายก็เติบโตและเสริมสร้างตนเองขึ้นในความรัก (อฟ 4:16) ฉะนั้นภารกิจของพระศาสนจักรจึงสำเร็จลุล่วงไปด้วยการที่พระศาสนจักร เมื่อปฏิบัติตามคำสั่งของพระคริสตเจ้า และมีพระหรรษทานแห่งพระจิตกับความรักกระตุ้น ก็อยู่ช่วยมนุษย์ทุกคนและชาติทุกชาติด้วย การปฏิบัติงานอย่างเต็มที่เพื่อนำเขาไปสู่ความเชื่อ ความเป็นอิสระและสันติสุขของพระคริสตเจ้า ด้วยตัวอย่างของการดำรงชีวิตและการเทศน์ก็ด้วยศีลศักดิ์สิทธิ์และวิธีการอื่นๆ ที่ประสานพระหรรษทานก็ดี จนพระศาสนจักรเปิดอ้าให้เขาเหมือนเป็นทางอันเสรี และปลอดภัยที่จะมีส่วนในรหัสธรรมของพระคริสตเจ้า

ภารกิจอันนี้ดำเนินภารกิจของพระคริสตเจ้าต่อไป และตลอดเวลาในประวัติศาสตร์ก็เป็นการขยายภารกิจของพระคริสตเจ้าเองซึ่งพระเป็นเจ้าทรงส่งมาประกาศข่าวดีแก่ผู้ยากจน ฉะนั้นโดยการกระตุ้นของพระจิต พระศาสนจักรต้องเดินไปทางเดียวกับที่พระคริสตเจ้าเองทรงดำเนินมาแล้ว ถือทางแห่งความยากจน ความเชื่อฟัง การรับใช้และการพลีตนตนถึงแก่ความตาย ซึ่งความตายนั้นพระองค์ทรงชนะด้วยการกลับฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมาเพราะสิ่งที่ยังขาดอยู่แก่การรับทรมานของพระคริสตเจ้าเพื่อประโยชน์แห่งพระกายของพระองค์อันได้แก่พระศาสนจักรนั้น (เทียบ กส 1:24) อัครธรรมทูตทุกองค์ก็ทำให้ครบสมบูรณ์ด้วยการสู้ทนความทุกข์ลำเค็ญ และทรมานลำบากเป็นอันมาก และเดินไปพร้อมกับความหวังเช่นนี้แหละ บ่อยครั้งโลหิตของคริสตชนได้เป็นพืชพันธุ์ทำให้เกิดคริสตชนสืบไป